"ทุกสิ่งเพื่อพระสิริมงคลของพระเจ้า" - บุญราศี มารีอา โดเมนิกา บรุน บาร์บันตินี

                สดุดีที่ 23 “พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงดูข้า” นี่คือบทเพลงสดุดีที่ฉันชอบมักจะพูดติดปากเมื่อประสบความยากลำบากและสงสัย เมื่อฉันไปอยู่ที่อิตาลีใหม่ ๆ ใจตนนั้นไม่พร้อมไม่มีความปรารถนาที่จะไป ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไรในความนบนอบก็ตอบ "ค่ะ" เมื่อมาถึง การเป็นคนใหม่อะไรยังไม่เข้าที่ ก็มีผู้ที่คอยช่วยเหลืออธิบาย แล้วเวลาผ่านไปพอสมควรก็ต้องเดินด้วยขาของตนเองต้องเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม อุปนิสัยของบุคคลที่เจริญชีวิตร่วมกัน ซึ่งเวลานั้นมีหลายชาติที่ร่วมกัน มีคนที่ดีกับฉันและมีคนที่อุปนิสัยไม่ตรงกัน



 “พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงดูข้า”                ความแตกต่างในชีวิตครอบครัว ฉันถูกอบรมมาในครอบครัวที่มารดาเข้มงวดฉันจึงมีนิสัยค่อนข้างจริงจังชอบสังเกต มีความรู้สึกไวต่อท่าทีคำพูดของบุคคล ไม่ใช่คนวู่วามหรือแค้นเคืองหรือเอาคืนเมื่อโดนกระทำมีแต่เก็บไว้คนเดียว ณ เวลานั้นจะพูดคุยหรือแบ่งปันกับใครก็ยากลำบาก ด้วยเหตุที่ภาษายังอ่อนแอสิ่งเดียวที่ทำได้คือพูดคุยกับพระเยซูบนกางเขนทุกครั้งที่เข้าวัดมาเฝ้าพระองค์ส่วนตัว และสิ่งที่บรรเทาใจคือ "พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงดูข้า" เป็นเช่นนี้หลายปีจนวันหนึ่งฉันพูดกับตัวเองว่า ถ้าอยู่ต่ออีกฉันจะต้องสู้ ฉันจะต้องทำอะไรก็ได้ ให้ผู้ที่ว่าฉันนินทาใส่ร้ายฉันได้รับอะไรบ้าง และฉันเปลี่ยนพฤติกรรมในทางลบ จากเงียบยอมไม่ต่อสู้ "พระองค์ทรงเลี้ยงดูข้า" มีแต่โมโหกับใครก็ได้ที่มาแสดงไม่ดีต่อฉันหรือว่าฉัน 

              ฉันรู้สึกว่ามีความสุขน้อยลง ในการอยู่กับผู้อื่น ชอบปลีกตัวอยู่คนเดียวเวลาผ่านไปนานเกือบปีจนฉันได้มีโอกาสไปเขาเงียบในบ้านของคณะซึ่งอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง คุณพ่อพูดเทศน์ได้พูดถึงความเชื่อและมันเป็นประโยคที่ฉันประทับใจคุณพ่อพูดว่า "ความเชื่อของเราในชีวิตประจำวันเป็นอย่างไร? และเราจะให้ความเชื่อมีชีวิตมีบทบาทต่อเราได้อย่างไร?  คุณพ่อยกตัวอย่างว่าถ้าเธอบอกว่าเธอมีความเชื่อจริงเผอิญวันนั้นมีพี่น้องสมาชิกเข้ามาหาเธอและว่าเธอด้วยความโกรธถ้าเธอสามารถที่จะหยุดฟังไม่โต้ตอบมองเหตุการณ์นั้นในมุมบวกโดยภายในใจของเธอไม่เคียดแค้นผู้นั้นนั่นแหละความเชื่อที่เธอมีต่อพระเจ้า"

              เมื่อฉันจบการเข้าเงียบและกลับมาในหมู่คณะฉันพยายามทำงานกับตัวเองโดยผ่านพระหันสถานจากพระองค์มันเป็นประสบการณ์ในฝ่ายจิตที่ฉันไม่ลืมฉันรู้สึกถึงความเป็นอิสระภายในอย่างบอกไม่ถูกว่าฉันพบความสุขมีใจเปิดกว้างกับทุกคนความเป็นตัวตนที่แท้จริงกลับมาพร้อมรับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาในชีวิตของฉันและบอกกับตนเองเสมอๆว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงดูข้าและโมทนาพระคุณที่ทรงมอบให้ฉันได้รับประสบการณ์กับพระองค์

ซิสเตอร์มารีอา ศิริรัตน์  ศรีวิโรจน์