"ทุกสิ่งเพื่อพระสิริมงคลของพระเจ้า" - บุญราศี มารีอา โดเมนิกา บรุน บาร์บันตินี

                ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบกินนมกินไข่มาตั้งแต่เด็ก แม่บอกว่าฉันโตมาด้วยน้ำข้าว ทุกครั้งที่เอานมใส่ปากจะหันหน้าหนี แต่พอเอาน้ำข้าวข้น ๆ หยอดใส่ปากดูดจ๊วบเลย ผลทันตาเห็นก็คือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ สมัยเด็ก ๆ เลยต้องไปโรงพยาบาลเด็กเป็นว่าเล่น จำได้ว่าไปถึงก็ยื่นนิ้วให้พยาบาลเจาะเลือดไปตรวจ แล้วกลับบ้านพร้อมกับคารามายขวดโตทุกที มีครั้งหนึ่งไปเที่ยวสวนสัตว์เข้าไปเขย่งเท้าดูตู้งูใกล้ ๆ เพราะไม่เห็นหัวงู

วันนั้นต้องตรงแน่วไปโรงพยาบาลทันทีเพราะผื่นขึ้นทั้งตัวจนหาที่ว่างบนผิวหนังไม่เจอ ได้คารามายมาเป็นแกลลอน นอนเคลือบตัวเป็นสีชมพูอยู่หลายวัน ยังมีอีกที่ขยันเป็นจนระอาทั้งหมอและฉันก็คือฝีไม่มีหัว เดี๋ยวขึ้นตรงโน้น เดี๋ยวโผล่ตรงนี้ จนแม่ต้องปลูกว่านมหากาฬไว้หลังครัวเอาไว้ใช้กับฉันโดยเฉพาะ ที่หมอระอาน่ะคือที่แม่กับว่านเอาไม่อยู่ (โชคดีที่แม่ไม่ระอา) เลยต้องพึ่งเข็มพึ่งมีดหมอทั้งเจาะทั้งกรีด ที่หนักสุดก็คือที่หน้าผาก หน้าอก แล้วก็หน้าแข้ง ฉันเรียกมันว่าพวกชอบประจาน แต่จะว่าไปมันก็เป็นประโยชน์เหมือนกันนะ เพราะตอนเป็นฝีที่หน้าแข้งป้าพาฉันไปเที่ยวงานกาชาด บังเอิญพระราชินีเสด็จ ผู้คนสงสารเห็นฉันหน้าแข้งบวมเดินไม่ถนัด อุ้มฉันส่งต่อ ๆ ไปจนได้อยู่หน้าสุด ป้าฉันนอกจากไม่ได้เห็นพระราชินีแล้วยังต้องกังวลตามหาตัวฉันให้วุ่น

 

             ผลของการไม่กินนมกินไข่ที่ตามมาพร้อมกับกาลเวลา ก็คือเรื่องของหัวเข่า บาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนมานั่งเฝ้าข้างสนามเวลาเพื่อน ๆ เล่นกีฬา ตอนตัดสินใจผ่าตัดคุณหมอบอกว่า “หนูคงจะนุ่งกระโปรงสั้นไม่ได้แล้วนะครับ เพราะหมอจะแถมตะขาบเกาะติดข้างหัวเข่าไปด้วยสองตัวใหญ่” แต่รู้ไหม ทุกครั้งที่แตะต้องเจ้าตะขาบสองตัวนี้ความทรงจำอันอ่อนหวานของความรักพรั่งพรูมาในหัวใจของฉันมากมาย และพยุงให้ฉันเดินตามหนทางของกระแสเรียกภคินีผู้รับใช้คนป่วยมาได้จนทุกวันนี้ นี่ถ้าไม่เกรงว่าจะทำให้คณะเป็นที่ครหา ฉันคงตัดชายกระโปรงของฉันให้สั้นขึ้นมาเหนือหัวเข่า เพื่อบอกทุก ๆ คนว่า "ตะขาบที่ซ่อนอยู่ในชีวิตของเราแต่ละคนคือรอยสัมผัสที่งดงามของพระเจ้า" เพียงแค่มองให้เห็นพระหัตถ์ของพระองค์

 

ซิสเตอร์นงลักษณ์ นันทวานิช