"ทุกสิ่งเพื่อพระสิริมงคลของพระเจ้า" - บุญราศี มารีอา โดเมนิกา บรุน บาร์บันตินี

         ประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่าและประทับตราในใจของซิสเตอร์เสมอ คือช่วงที่ทำงานรับใช้ในมิสชั่นของเราที่เฮติ ปี 2004 สถานการณ์ทั่วไปของประเทศเวลานั้นย่ำแย่มากโดยเฉพาะสำหรับความปลอดภัยของชาวต่างชาติ ฉะนั้นทุกประเทศมีนโยบายเรียกคนของตนกลับ ผู้ใหญ่ในคณะก็มีความวิตกกังวลสำหรับพวกเราด้วย จึงเสนอให้ออกมาก่อน และเมื่อสถานการณ์สงบลง จึงค่อยกลับไป พวกเราสามคนได้พูดคุยและไตร่ตรองกัน ในบรรยากาศของการภาวนา ภาพลักษณ์ที่ปรากฏเด่นชัด ณ.เวลานั้นคือ พระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นนายชุมพาบาลที่ดี ผู้เลี้ยงแกะที่ดีเมื่อเห็นสุนัขป่าเข้ามาก็จะไม่หนีไป

“ความสงบภายใน”         พวกเราได้เขียนจดหมายพร้อมกับเหตุผลของการขออยู่ต่อ ไปยังอัคราธิการิณีเจ้าคณะ คำตอบคือ ท่านได้ขอให้พวกเราแต่ละคนเขียนจดหมายแสดงเจตจำนงค์และความรับผิดชอบเป็นการส่วนตัว จำได้ว่าตัวเองภาวนาเพื่อหาเหตุผลด้วยความจริงใจต่อหน้าพระว่าทำไมถึงตัดสินใจอยู่ต่อ ชาวบ้านไม่ได้ขอ และพวกเขาไม่ได้สนใจเสียด้วยซ้ำว่าเราจะไป หรือจะอยู่ เป็นความปรารถนาที่ตนเองอยากอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขในเวลาที่พวกเขากำลังเสียขวัญ เป็นการอยู่ ที่อยากจะบอกโดยทางงานรับใช้ว่าพระเจ้าทรงรักและดูแลลูก ๆ ของพระองค์ แรงกระตุ้นมาจากเสียงที่เด่นชัดว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี” เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ซิสเตอร์เข้าใจคำว่า “ความสงบภายใน” สำหรับตัวเอง คือสามารถมองคนรอบข้างและอยู่ร่วมด้วยใจแห่งความเป็นพี่น้อง ตระหนักว่าชีวิตในแต่ละวันคือพระพรของพระเจ้าล้วน ๆ สิ่งเดียวที่อยากอวดคือ ความเชื่อด้วยหัวใจว่าการตัดสินใจแบบนั้นเป็นพระหรรษทานของพระอย่างแน่นอนไม่ใช่จากน้ำใจตามธรรมชาติมนุษย์ของตัวเอง จากนั้นก็ได้ลิ้มรสความชื่นชมยินดีที่พบว่าหมู่คณะของเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เราไม่ได้พูดเล่าเรื่องแก่กันและกัน แต่เป็นใจที่เชื่อมกัน อิ่มใจ ในอุดมการณ์เดียวกันของการเป็นธิดาของคุณแม่มารีอา โดเมนิกา

 

          อีกประสบการณ์หนึ่งของการเดินทางในความเชื่อ คือจะรู้สึกโกรธต่อหน้าความตายของผู้ชอบธรรม ที่ต้องจากไปเพราะความใจร้ายของมนุษย์ เป็นพิเศษเมื่อซิสเตอร์คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนกับหมู่คณะของเราถูกฆ่าตายเพราะขัดขืนการถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เขาอาศัยอยู่ในเขตชุมชนแออัดของเมืองหลวงเกือบ 20 ปี ทำงานเพื่อความดี และความก้าวหน้าของชุมชนมาโดยตลอด ต่อหน้าความตายของเขาได้ถามพระว่า ทำไมพระองค์ถึงปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น? มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย จนกระทั่งวันหนึ่งได้ยินข้อคิดที่ว่า ความทรมาน และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า บุตรพระเจ้าสูงสุด ได้ให้ความหมาย แก่สิ่งที่ดูเหมือนไม่มีความหมายอันได้แก่ความทุกข์ทรมานและความตาย เพราะ "โดยทางพระองค์สิ่งเหล่านี้ ได้ถูกเอาชนะแล้วด้วยความรัก" สำหรับซิสเตอร์แล้ว ข้อคิดนี้เปล่งประกายมาก และเป็นแรงกระตุ้นให้พยายามเอาจริงเอาจังกับการเจริญชีวิตนักบวชและปล่อยให้ความรักของพระเจ้าเป็นพลังขับเคลื่อนในงานรับใช้

ซิสเตอร์ลักษณาวดี