"ทุกสิ่งเพื่อพระสิริมงคลของพระเจ้า" - บุญราศี มารีอา โดเมนิกา บรุน บาร์บันตินี

เรื่องราวของฉัน

         ราว 20 ปีมาแล้ว ฉันได้รับประสบการณ์หนึ่ง ในอีกหลายประสบการณ์ที่ตราตรึงในชีวิต ที่เชียงราย บ้านพระจิตองค์บรรเทา หมู่คณะเล็ก ๆ แต่มีพลังของพระจิตประทับอยู่ ณ บ้านหลังนี้ การนำทางของพระองค์ส่องสว่างให้กับบรรดาภคินีที่ปฎิบัติภารกิจตามหน้าที่ของตนที่ได้รับหมอบหมายภายใต้การโอบรับ ค่ะ ด้วยความชื่นชมยินดีแห่งสินบนความนอบน้อมเชื่อฟัง

 

          แม่สรวยเป็นหมู่บ้านไม่ใหญ่นัก มีประชาชนทั้งพิ้นราบ และชนเผ่า ประชาชนที่นั้นนับถือทั้งศาสนาพุทธ และคริสต์ มีวัดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของเราชาวคริสต์ คือวัดพระจิตเจ้าองค์บรรเทา และมีวัดของพี่น้องต่างความเชื่อที่สร้างและอยู่ที่นี้เป็นเวลายาวนาน คือวัดจอมแจ้ง ศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องที่นับถือศาสนาพุทธ 

 

          แม่สรวยที่นี้ เราได้รับคำเชื้อเชิญจากคุณพ่อคณะปีเมให้ร่วมในการเดินทางแห่งกาศประกาศความรักของพระเจ้า ท่ามกลางพี่น้องที่ยากจน พิการ และเจ็บป่วย งานของเราที่นี้เป็นดังน้ำและน้ำมันของชาวสามาเรียผู้ใจดี มิใช่มาจากความสามารถหรือความเก่งกาจของบรรดาภคินีที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่ แต่เป็นเพราะความเมตตารักของพระเจ้าต่างหากที่ปกคลุมทุกชีวิต ทุกสรรพสิ่ง และอนุญาติให้เราเป็นผู้ชะโลมน้ำและน้ำมันของพระองค์ลงบนทุก ๆ ชีวิตที่อยู่ในความต้องการ และยังเป็นเสมือนหัวใจของงานรับใช้แรกของบุญราศีมารีอาโดเมนีกา มารดาที่รักยิ่งของเราที่ท่านได้ทำเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ในประเทศอิตาลี กับประชาชนของท่าน ในเมืองลุกกา

 

         และตรงนี้ ณ.ที่นี้ แม่สรวย เชียงราย บรรดาภคินีจึงได้เดินตามรอยเท้าของมารดาที่รักยิ่งในก้าวเดินเดียวกัน ตามจังหวะแห่งการรับใช้ที่ท่านได้มอบแบบอย่างที่สวยงามและทรงคุณค่านี้ให้กับบรรดาธิดาของท่าน ให้เปลวไฟในตะเกียงแห่งความรักของพระเจ้าที่มาเรียโดเมนีกา ถือไปเสมอในยามค่ำคืนยังคงลุกโชติช่วงอยู่ในบัจจุบัน

"ดังน้ำและน้ำมันของชาวสามาเรียผู้ใจดี"

         เรื่องราวของฉันก็ก่อเกิดขี้นที่นี้ เรื่องราวแห่งความประทับใจมิรู้ลืมเลือน เรื่องราวที่ทำให้เติบโตในจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ ของความเป็นคริสตชน และท้ายสุดของความเป็นธิดาของมาเรียโดเมนีกา ท่ามกลางคนเจ็บป่วย พร้อมกับพี่น้องภคินีที่เคียงบ่าเคียงไหลกันมา

 

         ภาคเหนือณ,กาลเวลาที่ฉันอยู่ ราว 20 กว่าปีมาแล้ว ประชาชนที่นี้ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งกายใจจิตจากเชื้อไวรัสที่เรียกกันว่า เอชไอวี ผลกระทบนี้ไปทั่วทุกมุมของโลก ของประเทศ ของทุกจังหวัด หลายอำเภอ หลายหมู่บ้าน หลายๆครัวเรือนที่ต้องช่วยกันซับน้ำตาแห่งความทุกข์นี้

 

         ห้วยเฮี้ย เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในอีกหลายๆหมู่บ้านที่บรรดาภคินีผู้รับใช้คนป่วยแห่งนักบุญคามิลโล ได้ก้าวเท้าออกไป เพื่อเยียมเยียนรับใช้พี่น้องเหล่านี้ ดุจดังครอบครัวของตน ด้วยว่าทุกสิ่งที่ท่านได้ทำต่อพี่น้องที่ต้อยต่ำท่านทำต่อเราเอง ดังคำสอนอันทรงพลังของพระอาจารย์ที่ทรงตรัสสอนไว้ บ้านแล้วบ้านเล่าที่บรรดาภคินีขึ้นลง ส่งอาหาร พาไปหาหมอ ทำความสะอาดบ้าน ซ่อมแซมบ้าน อาบน้ำ ป้อนอาหาร ช่วยป้อนยา จนแม้กระทั้งวินาทีสุดท้ายของชีวิต คนแล้วคนเล่า ที่มือของบรรดาภคินีเหล่านี้ได้บรรเทา ได้เสริมกำลัง ได้ยกร่างของพวกเขาและส่งพวกเขาสู่เชิงตะกอน คืนชีวิตให้กับพระผู้สร้าง ทำให้ฉันหวลระลึกถึงคำถามของ น.ยอห์น บัฟติส ซึ่งอยู่ในคุก ได้ยินเกี่ยวกับงานต่างๆ ของพระคริสต์ก็ใช้พวกศิษย์ไป ทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นคนที่จะมานั้น หรือว่าเราจะต้องรอคอยคนอื่น?” พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “ไปบอกยอห์นในสิ่งที่พวกท่านได้ยินและได้เห็น คือว่าบรรดาคนตาบอดเห็นได้ พวกคนง่อยเดินได้ บรรดาคนที่เป็นโรคเรื้อนหายสะอาด บรรดาคนหูหนวกได้ยิน บรรดาคนตายเป็นขึ้น และคนยากจนทั้งหลายได้รับข่าวดี. (มัทธิว 11:2-4)

           ใช่..จริง ๆ ถ้ามีคนมาถามเรา เราคงได้เลียนแบบพระอาจารย์ คนหิวได้อิ่ม คนไม่มีเสื้อผ้าได้สวมใส่ คนสกปรกได้รับการอาบน้ำ คนปล่าวเปลี่ยวได้รับกำลังใจและการเยี่ยมเยี่ยน กิจการของบรรดาภคินีคงเทียบไม่ได้กับภารกิจที่พระอาจารย์เจ้าได้ทำ แต่พวกเราได้ใช้ชีวิตของตนในพระอาจารย์ พร้อมกับพระอาจารย์ และเพื่อพระอาจารย์ เพื่อบอกว่าพระเจ้ารักพวกท่านผู้เป็นผู้แร้นเค้นผ่านทางความยินดีรับใช้ของศิษย์ของพระองค์เหล่านี้

 

          พี่น้อย เป็นชื่อของหญิงคนหนึ่งที่เป็นนางเอกในประสบการณ์แห่งรักครั้งนี้ของฉัน เธอเป็นผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี และเธอยังป่วยด้วยมะเร็งปากมดลูก ชีวิตของเธอได้เป็นเครื่องหมายที่ได้ถูกประทับตราไว้อย่างไม่มีวันลบเลือนว่า พระเจ้าทรงรักเมตตา ทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากใบหน้าของเขา

 

          ความเจ็บป่วยที่ถูกผสมด้วยความผิดหวัง สิ้นหวัง ท้อแท้ต่อชะตาชีวิต ความยากจนจากความเข้าใจและการถูกรังเกียจจากบุคลรอบข้าง ชีวิตจึงไม่มีความหมาย รอเพียงวันสุดท้ายที่จะคืนร่างนี้ให้กลับเป็นดินด้วยความระทมทั้งกายใจ จิตวิญญาณ ในห้องเล็กๆที่เมื่อก่อนเคยเป็นที่เก็บข้าวเปลือก เวลานี้กลับเก็บร่างที่ผอมบางของหญิงคนหนึ่งที่โซซัดโซเซ พาร่างที่บอบช้ำกลับมาสู่บ้านเกิด เพื่อจะได้ตายอย่างน้อยในบ้านที่เรียกว่าเคยเป็นบ้านของตน ประตู หน้าต่างถูกปิดตาย หน้าประตูเต็มไปด้วยความสกปรกและกลิ่นของความบูดเน่าของเศษอาหารที่อยู่ในถุง ฉันและเพื่อนภคินีมองหน้ากันด้วยความเงียบ ไม่มีคำพูด ไม่มีวาจาใดออกจากปากของเรา เพียงการประสานสายตากันเราก็รับรู้ถึงใจของกันและกันว่า พระเจ้าของเราอยู่ที่นี้  ประตูถูกเปิดออกด้วยความยากลำบาก สิ่งแรกที่เราได้เผชิญคือกลิ่นที่ไม่ชวนโสภาเอาเสียเลย ด้านในนี้ มีความมืดปกคลุมอยู่ ทั้งๆที่มันเป็นเวลาสายๆที่สว่างไปด้วยแสงอาทิตย์อันแรงกล้าในช่วงฤดูร้อน แต่ในห้องนี้เราต้องใช้แสงจากไฟฉายเพื่อนำทางในความมืด แสงจากไฟฉายที่ทอเป็นลำแสงเล็กๆส่องตรงไปทุกที ที่แสงนั้นส่องกระทบ เราพบเห็นบริเวณห้องที่เต็มไปด้วย ทุกอย่างที่เรียกว่า ความสกปรก การหมักหมม ที่นี้ มีทั้ง หนอน มด หนู แมลงนานาชนิด ความอับชื้น อากาศที่อุดอู้อบอวลและอึดอัด เราเดินและใช้สายตาสังเกตสำรวจอย่างระมัดระวัง  หน้าต่าง..คือจุดหมายต่อไปที่เราค้นหา และต้องเปิดออกเพื่อเรียกหาการหมุนเวียนของอากาศ และเชิญแสงสว่างจากแสงของดวงอาทิตย์ให้เขามามีบทบาทในกับการปฎิบัติภารกิจของเรา ลำแสงของดวงอาทิตย์ที่ส่องผ่านทางหน้าต่าง รูและรอยแตกของกำแพงไม้เราพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ที่นอนบนเตียงไม้เก่า ในมุมอับของห้องนั้น ในห้องแคบๆที่เต็มไปด้วยสิ่งที่มนุษย์หลายคนต้องเบือนหน้าหนี ณ.ตรงนี้ บรรดาภคินีผู้รับใช้คนป่วยได้รับเกียรติอันสูงส่งที่จะไม่มีใครมาแย่งความเป็นผู้มีความสุข..ที่มือของพวกเขาต้องเปรอะเปื้อนด้วยเมตตากิจนี้ลงไปได้เลย (ข้อเขียนของนักบุญคามิลโล ) ภายใต้ความเงียบ การเฝ้าระวัง ของงานรับใช้ที่อยู่ตรงหน้า ห้วใจของฉันสัมผัสถึงความสุขนี้ ของการเป็นผู้มีบุญและการเรียกของพระที่มีต่อชีวิตอันต่ำต้อยเช่นนี้ของฉัน พวกเราค่อยๆให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยท่านนี่ด้วยความระมัดระวัง ตลอดทุกนาที ทุกชั่วโมงที่คืบคลานเข้ามา ฉันได้รับรู้ว่าเป็นงานของการค้ำพยุงและการช่วยเหลือจากพระเจ้าอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะเรียกความวางไว้ใจ จากผู้ที่สูญเสียความไว้วางใจ การดูแลดังมารดาดูแลบุตรคนเดียวของตน การดูแลร่างกายเพื่อเข้าสู่จิตวิญญาณตามที่คุณแม่ผู้ตั้งคณะได้สอนไว้ ได้ปรากฏให้ฉันได้สัมผัส ลิ้มลองดูว่าสิ่งที่ท่านได้ทำแก่ผู้ต่ำต้อยนี้ ด้วยวิถีของพระอาจารย์เจ้านี้ นั้นช่างแสนประเสริฐ และช่างเป็นสุข

 

         ทุก ๆ ช่วงเวลาผ่านไปอย่างมีความหมาย เราคืนห้องที่สะอาด ปราศจากกลิ่น ปลอดโปร่งให้กับสตรีท่านนี้ คืนร่างกายที่สะอาดอย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ มอบการเยียวยารักษาบาดแผลทั้งฝ่ายกาย และแน่ใจว่าพระเจ้าจะอนุญาติให้การทุ่มเทอย่างสุดกำลัง สติปัญญา จิตใจของเราครั้งนี้กลับเป็นการเยียวยาของพระองค์สู่จิตใจที่บอบช้ำและสิ้นหวังดวงนี้ เราหันไปมองสตรีที่อิดโรยที่นอนอยู่บนเตียง พร้อมกับขยับเข้าไปใกล้ๆเพื่อบอกลาและจะพบกันใหม่ในวันต่อไป เหมือนทุกครั้งไม่มีเสียงตอบจากสตรีผู้นั้นเลย และเราก็เดินทางกลับบ้านขณะที่ฉันอยู่บนรถ จากความเหน็ดเหนื่อย การเฝ้าระวังในทุกๆเรื่อง เวลานี้ร่างกาย ใจ จิตวิญญาณของฉันได้ผ่อนคลาย ฉันมองออกนอกรถ สายตาและหัวใจพบความสุขใจไปตลอดสองข้างทางที่เต็มไปด้วยทุ่งนาสีเขียวสดใส ภูเขา หมู่บ้านในชนบท สายลมเย็นเข้ามาประทะกับใบหน้าของฉัน พร้อมกับความสันติสุขนี้ฉันหวลระลึกถึงช่วงเวลาเกือบทั้งวันที่ฉันอยู่ตรงนั้น กับการทุ่มเทให้กับใครคนหนึ่งที่พวกเราไม่เคยรู้จักมาก่อน นอกจากรู้ว่าเขาผู้ป่วยเป็นลูกของพระที่ต้องได้รับศักดิ์ศรีคุณค่าของความเป็นมนุษย์กลับคืนมา น้ำตาแห่งความสุขใจเอ่อล้นมาสู่ขอบตาของฉัน ขอบคุณนะค่ะพระองค์ ขอบคุณแทนมนุษย์ทุกคนที่พระองค์ได้รักเขา ขอบคุณสำหรับวันนี้ที่พระองค์ไม่รังเกียจที่จะให้พวกพวกลูกได้มีส่วนร่วมในงานของพระองค์

 

             พวกเราผ่านวันกับสตรีผู้เจ็บป่วยท่านนี้ อย่างอยากลำบาก มิใช่เพียงแต่ร่างกายที่ขาดคนอยู่เคียงข้างคอยดูแล แต่หัวใจนี่ซิหัวใจที่ขาดความรักที่เป็นน้ำเลี้ยงชีวิตเพื่อมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป และนี่คืองานที่คุณแม่ผู้ตั้งคณะได้หวังว่าบรรดาธิดาของท่าน จะสานต่อภารกิจนี้อย่างซื่อสัตย์ ขยันขันแข็ง ช่วงเวลาสองสามเดือนที่เราเยี่ยมเยียน ด้วยความเรียบง่ายของกัลยานิมิตรท่านนี้ เราได้รับความยินดีเป็นความบรรเทาใจและการยืนยันว่า...งานนี้มิใช่งานของเรา แต่เป็นของพระเจ้า แม้จะลำบากเพียงใด ..พี่น้อยค่อยๆดีขึ้น จากที่ลุกไม่ได้ เก็บตัวอยู่ในห้อง เวลานี้พี่น้อยได้รับความรักกลับคืนมาด้วยกำลังใจที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ความบรรเทาจากพี่น้องญาติมิตร พี่น้อยค่อยๆเริ่มแข็งแรงขึ้นทั้งสุขภาพกาย ใจ จิตเราพบรอยยิ้มบนใบหน้า พบดวงตาที่ฉายแววแห่งความหวัง ได้ยินเสียงแห่งความสุขความยินดีในหัวใจ พบท่าทีแห่งความกตัญญูรู้คุณ หัวใจที่สงบปล่อยวางให้กับคำถามแห่งชีวิตที่เธอเคยเรียกว่าโชคร้าย เธอมีความสุข สิ่งเหล่านี้มาจากไหนเหรอ..นี่แหละมั้งที่เขาเรียกว่าน้ำทิพย์ชะโลมใจ น้ำมันแห่งการเยียวยารักษาของพระเจ้าผ่านทางเมล็ดแห่งความรักเมตตา ที่พระองค์ทรงใส่ไว้ในหัวใจของมนุษย์บุตรของพระองค์

 

        พระเจ้าพระบิดาเจ้าฟ้าและแผ่นดินทรงล่าวงรู้วันเวลาของทุกคน ทรงกำหนดวันนั้นไว้แล้ว และพระองค์จะทรงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้ถูกสร้างของพระองค์กลับคืนสู่พระองค์อย่างปลอดภัยหลังจากที่เขาได้ผ่านชีวิตแห่งการทดลองบนโลกนี้ และค่อยๆก้าวเข้าสู่เวลาของการเดินเพื่อไปถึงประตูสู่ชีวิตนิรันดร์  พี่น้อยได้รับการเตรียมตัวอย่างแท้จริงสู่วาระสุดท้ายของชีวิต ทิ้งความตื้นตันใจด้วยคำบอกเล่าของบรรดาพี่น้องของเขาว่า วันก่อนที่พี่เขาจะเสียชีวิตเขาได้ฝันเห็นผู้หญิงฝรั่งใส่ชุดสีดำๆคนหนึ่ง ถือตะเกียงและมีผู้หญิงหลายๆคนเดินตาม ผู้หญิงเหล่านั้นกวักมือเรียกเขาให้เดินตามมา และพี่น้อยก็เดินตามไป

 

        ในวันที่ไปเยี่ยมพี่น้อยอีกครั้งซึ่งแตกต่างไปจากทุกวัน เพราะวันนี้พี่น้อยได้ตอบรับการเรียกของพระเจ้าแห่งชีวิต คืนชีวิตให้กับพระองค์ติมบรรดากลุ่มสตรีที่ผู้หญิงใส่ชุดสีดำถือตะเกียงไป ถึงแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานซ.ยังจำคำพูดหนึ่งที่พี่เขาได้พูดซิสเตอร์ว่า “พี่ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร แต่พี่ไม่กลัวตายถ้าตายพี่ก็มีความสุขไม่ห่วงอะไรแล้ว ให้อภัยทั้งหมด ใจเป็นสุขถ้าพี่ตายแล้วพี่ไปเจอพระของซิสเตอร์ พี่จะบอกพระท่านว่า ลูกศิษย์ของท่านช่างดีเหลือเกิน”

 

          นี่คือเรื่องราวที่ฉันไม่มีวันลืมเลือน มิใช่เพราะได้ทำสิ่งที่ดี แต่เพราะใจฉันตะหนักรู้ว่าพระเจ้าทรงพระชมน์อยู่ พระองค์อยู่เสมอกับฉันกับทุกคน ทุกวันเวลา ทุกวินาที ทั้งในยามทุกข์และยามสุข ฉันขอบคุณพระที่ได้เรียกฉันในคณะด้วยจิตตารมณ์แบบนี้ ด้วยวิถัชีวิตแบบนี้ มันเป็นความสุขที่ฉันได้รับเวลาอยู่บนโลกนี้ และจะเป็นทุนสำหรับการเดินทางของฉันสู่ชีวิตนิรันดร์ ที่ ๆ ฉันจะได้พบทุกคนในบ้านของพระองค์

ซ.ลูเชีย ปริศนา ถนอมชาติ